ข้อมือแบบนี้ควรใส่นาฬิกาแบบไหน 7 วิธีเลือกนาฬิกาให้เข้ามือ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาข้อมือ หลายๆ คนคงอยากจะทราบถึงเทคนิคในการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง เพื่อช่วยเสริมความดูดีมีสไตล์ให้กับการแต่งตัว ซึ่งหลักในการเลือกนาฬิกาก็มีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการใช้งาน ตัวหน้าปัด สายของนาฬิกา สีผิว หรืออื่นๆ และปัจจัยที่สำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย คือ การเลือกขนาดนาฬิกาให้พอดีกับข้อมือ บทความนี้ จะพาไปแนะนำเทคนิคต่างๆ ในการเลือกนาฬิกาไม่ว่าจะสำหรับข้อมือใหญ่ หรือข้อมือเล็กว่าควรใส่นาฬิกาแบบไหนดี
หากต้องการเลือกขนาดนาฬิกาให้เหมาะกับข้อมือ ขนาดของหน้าปัดเป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึง โดยควรเลือกให้มีความพอดีกับขนาดข้อมือของผู้สวมใส่ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปแบบสไตล์ของนาฬิกาที่สวมใส่ด้วย เช่น หากใส่เป็น Dress Watch ที่เน้นให้ดูมีความมินิมอลก็อาจจะเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเล็กลง แต่ถ้าหากต้องการใส่เป็นนาฬิกา Sport Watch หรือแนว Oversized ก็สามารถเลือกนาฬิกาที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ขึ้นกว่าปกติได้ โดยขนาดข้อมือตามปกติจะแบ่งได้ดังนี้
ข้อมือขนาดเล็ก จะมีขนาดที่เล็กกว่า 6 นิ้ว (น้อยกว่า 15 เซนติเมตร)
ข้อมือขนาดมาตรฐาน จะอยู่ที่ประมาณ 6-7 นิ้ว (15-18 เซนติเมตร)
ข้อมือขนาดใหญ่ จะมีขนาดตั้งแต่ 7.5-8 นิ้ว (19-20 เซนติเมตร หรือมากกว่า)
หลักในการเลือกขนาดหน้าปัดนาฬิกาให้เหมาะสำหรับข้อมือใหญ่ หรือข้อมือที่มีขนาดประมาณ 7.5-8 นิ้ว หรือ ประมาณ 18 เซนติเมตรขึ้นไป ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดหน้าปัดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 44-46 มม. โดย
ขนาดข้อมือ 7.5 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 34-46 มม. (ไม่เกิน 46 มม.)
ขนาดข้อมือ 8 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 36-48 มม. (ไม่เกิน 48 มม.)
หลักในการเลือกขนาดหน้าปัดนาฬิกาให้เหมาะสำหรับข้อมือเล็ก ซึ่งมีขนาดข้อมือประมาณ 5-7 นิ้ว หรือ ประมาณ 14-18 เซนติเมตร ควรเลือกนาฬิกาที่มีหน้าปัดขนาดเล็กหรือขนาดกลาง โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็น 36 มม., 38 มม., 40 มม. หรือ 42 มม. ตามขนาดข้อมือ ดังนี้
ขนาดข้อมือ 5 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 28-36 มม. (ไม่เกิน 36 มม.)
ขนาดข้อมือ 5.5 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 29-38 มม. (ไม่เกิน 38 มม.)
ขนาดข้อมือ 6 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30-40 มม. (ไม่เกิน 40 มม.)
ขนาดข้อมือ 6.5 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 31-42 มม. (ไม่เกิน 42 มม.)
ขนาดข้อมือ 7 นิ้ว ควรเลือกนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 32-44 มม. (ไม่เกิน 44 มม.)
รูปทรงของหน้าปัดนาฬิกาถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับขนาดของข้อมือ เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยกลบจุดด้อยของข้อมือ และช่วยเสริมให้ข้อมือดูมีความสมดุลได้
สำหรับข้อมือใหญ่สามารถเลือกนาฬิกาที่มีหน้าปัดได้หลายรูปทรง อาจเป็นทรงกลมหรือเหลี่ยมก็ได้ และเหมาะกับนาฬิกาที่มีลูกเล่นฟังก์ชันบนหน้าปัดนาฬิกาเยอะๆ
สำหรับข้อมือเล็กควรเลือกนาฬิกาที่มีหน้าปัดเป็นทรงกลมหรือรี ไม่ควรเลือกนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพราะตัวนาฬิกาจะปิดบริเวณข้อมือจนทำให้ข้อมือดูเล็กลงกว่าเดิม และเหมาะกับนาฬิกาที่หน้าปัดค่อนข้างเรียบง่าย หรือเป็นสไตล์มินิมอล
ในการเลือกนาฬิกาให้เหมาะสมกับขนาดข้อมือ ไม่ว่าจะ มีข้อมือเล็กหรือข้อมือใหญ่ จำเป็นต้องพิจารณาดูจากความหนาของตัวเรือนนาฬิการ่วมด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วความหนาของตัวเรือนนาฬิกาจะค่อนข้างสัมพันธ์กับขนาดความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางของนาฬิกา กล่าวคือ ยิ่งนาฬิกามีขนาดใหญ่ ตัวเรือนนาฬิกามักจะยิ่งมีความหนาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับผู้ที่มีข้อมือขนาดใหญ่ ควรเลือกนาฬิกาที่มีความหนาของตัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 9 มม. เป็นต้นไป ซึ่งมักเป็นความหนาของนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 44 มม. ขึ้นไป
สำหรับผู้ที่มีข้อมือขนาดเล็ก ควรเลือกนาฬิกาที่มีความหนาของตัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 6-7 มม. ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นความหนาของนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 36-42 มม.
หลักในการเลือกความกว้างของสายนาฬิกา ควรเลือกให้มีความกว้างที่เหมาะสมกับขนาดข้อมือ รวมถึง ให้มีความพอเหมาะกับขนาดความกว้างของหน้าปัดและตัวเรือนนาฬิการ่วมด้วย โดยส่วนใหญ่แนะนำให้เลือกสายนาฬิกาที่มีความกว้างประมาณครึ่งนึงของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือนนาฬิกา
สำหรับผู้ที่ข้อมือใหญ่ ควรเลือกนาฬิกาที่มีความกว้างของสายนาฬิกาตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวนาฬิกา ดังนี้
สำหรับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มม. ควรเลือกสายที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 22 มม.
สำหรับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 46 มม. ควรเลือกสายที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 23 มม.
สำหรับผู้ที่ข้อมือเล็ก ควรเลือกนาฬิกาที่มีความกว้างของสายนาฬิกาตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวนาฬิกา ดังนี้
สำหรับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 มม. ควรเลือกสายที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 18 มม.
สำหรับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38 มม. ควรเลือกสายที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 19 มม.
สำหรับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. ควรเลือกสายที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 20 มม.
สำหรับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. ควรเลือกสายที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 21 มม.
เมื่อพิจารณาถึงความกว้างของสายนาฬิกาแล้ว สิ่งถัดมาที่ควรให้ความสำคัญไปพร้อมๆ กัน คือ เรื่องของวัสดุที่ใช้ในการทำสายของนาฬิกา เนื่องจากสายที่ทำจากวัสดุต่างชนิดกัน นอกจากจะทำให้สไตล์และรูปแบบของนาฬิกามีความแตกต่างกันแล้ว ลักษณะภายนอกของวัสดุสายบางชนิดจะทำให้ตัวเรือนของนาฬิกาดูมีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่าวัสดุอีกชนิด ทั้งที่ตัวสายมีขนาดความกว้างเท่ากัน
สำหรับผู้ที่ข้อมือใหญ่ ควรเลือกนาฬิกาที่วัสดุของสายนาฬิกาทำจากโลหะ เพราะให้ความรู้สึกที่ใหญ่กว่าสายประเภทหนังหรือไนลอน ทั้งยังมีความหนามากกว่า มักจะใช้กับตัวเรือนนาฬิกาที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ สายโลหะมักจะมีส่วน Lug หรือขานาฬิกายื่นออกมาเพิ่มทำให้นาฬิกามีความยาวเพิ่มขึ้น จึงเสริมให้ตัวเรือนดูมีขนาดใหญ่พอดีกับข้อมือมากกว่า ดังนั้น ผู้ที่มีข้อมือใหญ่จึงเหมาะกับนาฬิกาที่มีสายเป็นโลหะ
สำหรับผู้ที่ข้อมือเล็ก ควรเลือกนาฬิกาที่วัสดุของสายนาฬิกาเป็นสายหนัง ผ้าไนลอน หรือเรซิน ไม่ควรเลือกเป็นสายโลหะ เพราะสายโลหะทำให้ตัวนาฬิกานั้นดูใหญ่ขึ้นและมีความหนาค่อนข้างมาก จึงไม่เหมาะกับข้อมือเล็กเพราะจะทำให้ข้อมือดูเล็กลงไปกว่าเดิม สำหรับผู้ที่ข้อมือเล็กแต่ต้องการใส่เป็นสายโลหะ แนะนำเป็นสายนาฬิกาสเตนเลสแบบถัก (Milanese) ซึ่งจะมีความบางมากกว่าสายโลหะสเตนเลสแบบปกติ
ในการเลือกสีนาฬิกาของแต่ละคนมีปัจจัยหลายอย่างแตกต่างกันออกไป บางคนเลือกความความชอบส่วนตัว บางคนเลือกตามความเชื่อในเรื่องของความเป็นสีมงคล หรือเลือกสีนาฬิกาตามวันเกิด บ้างก็เลือกตามสีที่เหมาะกับสีผิว
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ในการเลือกสีของนาฬิกาที่จะสวมใส่นั้น สามารถเลือกโทนสีให้มีความเหมาะสมกับขนาดของข้อมือได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยเสริมให้ใส่แล้วดูพอดี เพิ่มความดูดีในการใส่นาฬิกาข้อมืออีกด้วย โดยหลักการเลือกสีนาฬิกาข้อมือให้เหมาะกับขนาดของข้อมือ มีดังนี้
นาฬิกาสำหรับข้อมือใหญ่ควรเลือกใช้นาฬิกาที่มีโทนสีเข้ม เช่น สีดำ สีกรมท่า และสีน้ำตาลเข้ม คล้ายกับหลักการของการเลือกสวมใส่เสื้อผ้า เพื่อช่วยพรางสายตา ให้โฟกัสที่ตัวนาฬิกาทำให้ดูเหมือนนาฬิกามีขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ไม่ควรเลือกนาฬิกาที่มีสีมันวาว หรือดูวิบวับมากจนเกินไป เพราะจะทำให้นาฬิกาสะท้อนกับแสงแดดและทำให้ดูเหมือนข้อมือใหญ่กว่าเดิมได้
นาฬิกาสำหรับข้อมือเล็กควรเลือกใช้นาฬิกาที่มีโทนสีสว่าง เช่น สีเงิน สีขาว สีครีม และสีโทนอ่อน เพราะจะเป็นสีที่ช่วยกระจายแสง ทำให้มองดูแล้วเหมือนนาฬิกามีขนาดใหญ่ขึ้น ใส่แล้วไม่รู้สึกว่าข้อมือเล็กเกินไป
การเลือกขนาดของนาฬิกาให้เหมาะสมกับข้อมือ นอกจากตามข้อด้านบนที่กล่าวไปนี้ ยังควรพิจารณาเรื่ององค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เข็มนาฬิกา ตัวเลขในหน้าปัดนาฬิกา หรือ Crown ของนาฬิกา ว่ามีความเหมาะสมเข้ากับขนาด หรือรูปทรงตัวตัวเรือนนาฬิกาไหม เพราะถึงแม้ว่าจะเลือกนาฬิกาได้ขนาดรูปทรงและความหนาตามที่ต้องการ ที่ดูว่าพอดีกับข้อมือแล้ว แต่ถ้าองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ไปด้วยกัน ใส่แล้วอาจจะดูแปลก หรือดูไม่สวยงามได้
นาฬิกาแต่ละแบรนด์ก็มีหลากแบบหลายสไตล์ และแต่ละแบรนด์ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะเหมาะกับขนาดข้อมือที่แตกต่างกัน บางแบรนด์อาจจะเหมาะกับข้อมือใหญ่หรือข้อมือเล็ก
แบรนด์นาฬิกาที่เหมาะกับข้อมือใหญ่ เช่น
PAUL PICOT รุ่น C-Type และ Yachtman ซึ่งมีขนาดตัวเรือนนาฬิกาที่ค่อนข้างใหญ่ และมีตัว Crown ถึงสามปุ่ม ซึ่งทำให้ให้นาฬิกาดูมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
AERO WATCH รุ่น Skeleton Spider ที่มีขนาดตัวเรือนใหญ่ถึง 43 มม. และมีลูกเล่นลวดลายบนหน้าปัดนาฬิกาค่อนข้างเยอะ
EDOX รุ่น CHRONORALLY ที่ตัวเรือนนาฬิกามีขนาดใหญ่ และมีความหนาค่อนข้างมาก
Bell & Ross รุ่น BR-X1 TOURBILLON ที่มีตัวเรือนนาฬิกาขนาดใหญ่ ดีไซน์เป็นทรงสี่เหลี่ยม พร้อมทั้งลูกเล่นและฟังก์ชันมากมายบนตัวเรือนนาฬิกา
แบรนด์นาฬิกาที่เหมาะกับข้อมือเล็ก เช่น
PAUL PICOT รุ่น Gentleman 40 mm Date ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ที่ประมาณ 40 มม. และตัวเรือนนาฬิกามีความเรียบง่าย และสายทำจากหนัง เหมาะกับผู้ที่ข้อมือเล็กและชื่นชอบสไตล์เรียบๆ
AERO WATCH รุ่น Skeleton Automatic ซึ่งมีขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่เกินไป ประมาณ 40 มม.
EDOX รุ่น LES BÉMONTS ที่มีขนาดไม่ใหญ่ พร้อมทั้งรูปทรงที่ค่อนข้างกลม และมีขอบหน้าปัดเป็นทรงจัตุรัสที่โค้งมน อีกทั้งตัวเรือนนาฬิกามีความบาง เหมาะกับผู้ที่มีข้อมือเล็ก
Bell & Ross รุ่น BR-S ที่มีตัวเรือนนาฬิกาเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดเล็กเพียง 39 มม.
ในการเลือกนาฬิกาที่ควรพิจารณาถึงเรื่องขนาดของตัวนาฬิกา รวมถึง ขนาดข้อมือของผู้สวมใส่ ผู้ที่ต้องการเลือกนาฬิกาควรเข้าใจวิธีในการวัดขนาดของข้อมือและนาฬิกาด้วย เพื่อให้สามารถเลือกนาฬิกาตามขนาดที่เหมาะสมพอดีอย่างที่ต้องการได้ โดยมีวิธีวัด ดังนี้
การวัดขนาดข้อมือ สามารถวัดโดยการใช้สายวัดหรือใช้กระดาษตัดเป็นแถบยาวมาวัดรอบข้อมือบริเวณที่ต้องการสวมนาฬิกาข้อมือให้พอดีไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป หากใช้เป็นแถบกระดาษวัดก็นำปากกามาทำเครื่องหมายระยะที่วัดได้แล้ว จึงใช้ไม้บรรทัดวัดความยาวอีกที โดยส่วนใหญ่มักใช้หน่วยวัดเป็นนิ้ว หรือเซนติเมตร
การวัดขนาดของนาฬิกา ขนาดหน้าปัดนาฬิกา คือ การวัดจากความกว้างของตัวนาฬิกา ซึ่งมักจะเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของขนาดตัวเรือนนาฬิกา โดยวัดจากด้านซ้าย (ตัวเลข 9 นาฬิกา) ไปถึงด้านขวา (ตัวเลข 3 นาฬิกา) โดยไม่นับรวมส่วน Crown หรือเม็ดมะยมที่ยื่นออกมา ส่วนความยาวของนาฬิกาจะวัดจากระยะตั้งแต่ Lug หรือขานาฬิกา ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมระหว่างตัวเรือนกับสายนาฬิกา จนถึง Lug อีกฝั่ง หรือที่เรียกว่า Lug-to-Lug
แม้ว่าเลือกนาฬิกาโดยสามารถดูจากขนาดของข้อมือที่ทำการวัดแล้วเทียบกับขนาดของนาฬิกาที่ระบุไว้ แต่ทางที่ดีในการเลือกนาฬิกาให้พอดี คือ ควรลองสวมใส่นาฬิกาของจริงดูร่วมด้วย และลองสังเกตว่าพอดีกับข้อมือหรือไม่ ตัวเรือนนาฬิกา รวมถึง Lug หรือ ขานาฬิกาไม่ใหญ่จนกางเลยความกว้างของข้อมือ เนื่องจากข้อมือของแต่ละคนก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน ข้อมือของบางคนอาจมีลักษณะหนาหรือแบน จึงควรลองใส่นาฬิกาดู เพื่อให้ได้นาฬิกาที่พอดีกับข้อมือมากที่สุด
สรุป
ในการเลือกนาฬิกาที่เหมาะกับข้อมือใหญ่หรือข้อมือเล็ก สิ่งที่ควรพิจารณา คือ เรื่องขนาดของหน้าปัดนาฬิกา รูปทรงของนาฬิกา ความหนาของตัวเรือนนาฬิกา ความกว้างของสายนาฬิกา วัสดุที่ใช้ทำสายนาฬิกา โทนสีเข้มสว่างของนาฬิกา รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่ควรนำมาพิจารณาประกอบควบคู่ไปกับสิ่งที่กล่าวมาด้วย เช่น เข็ม ตัวเลขบนหน้าปัด เป็นต้น เพื่อให้สามารถเลือกสวมใส่นาฬิกาที่มีขนาดพอเหมาะพอดีกับข้อมือของผู้สวมใส่ ช่วยพรางสายตาให้ข้อมือดูไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ให้ทุกคนสามารถสวมใส่นาฬิกาแล้วออกมาดูดีและช่วยเสริมสไตล์การแต่งกายของแต่ละคนได้