IPX กับ ATM คืออะไร ต่างกันอย่างไร มาตรฐานกันน้ำ นาฬิกาดูยังไง?
ในสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่เสมอ บางวันฝนตก บางวันแดดออกจัด การเลือกใส่เครื่องประดับจำเป็นสักชิ้นอย่างนาฬิกาก็ควรเลือกให้เหมาะสมเช่นเดียวกัน เพราะบางรุ่นหากโดนน้ำโดนฝนแล้วก็อาจทำให้พังเสียหายได้ หากไม่อยากต้องเสียเวลาดูแลนาฬิกาขึ้นฝ้าหรือเสียหายจากการตกน้ำ การหานาฬิกากันน้ำดีๆ สักหนึ่งเรือนก็เป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพและไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเปลี่ยนบ่อยเพราะไม่ทนต่อการใช้งาน
ซึ่งหากเรามีหลักการที่ทำให้รู้ว่านาฬิกากันน้ำที่ดีควรดูยังไง ควบคู่ไปกับไลฟ์สไตล์ของเราก็จะช่วยให้เลือกนาฬิกากันน้ำได้เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น โดยดูจากค่า IPX หรือ ATM ที่เป็นมาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลว อย่างช่วยกันน้ำหรือกันกระแทกได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งนี้สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกนาฬิกาได้เช่นกัน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าแล้ว IPX กับ ATM นั้นคืออะไร และจะดูได้อย่างไร บทความนี้จะช่วยไขคำตอบให้คุณ
มาตรฐาน IPX หรือ IP (International Protection Standard ; IP standard) คือมาตรฐานที่ใช้บอกความสามารถในการป้องกันฝุ่นละอองและกันน้ำของอุปกรณ์ชนิดนั้น เพื่อให้รู้ว่าตัวอุปกรณ์มีความสามารถในการป้องกันวัตถุต่างๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเข้าไปภายในและอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้มากเท่าไหร่ ส่วน ATM คือค่าความดันบรรยากาศโดยเฉลี่ย (Standard atmosphere หรือ Atmosphere pressure) วัดที่ระดับน้ำทะเล ซึ่งจะถูกใช้งานบ่อยในกิจกรรมที่สัมผัสกับน้ำเป็นหลัก เช่น การว่ายน้ำ เพราะเมื่อเราอยู่ลึกลงไปน้ำมากเท่าไหร่ ระดับความกดอากาศก็จะมากขึ้นตามมาเท่านั้น ทำให้อุปกรณ์ที่ใส่ลงน้ำที่ลึกมากๆ จะต้องมีแรงทนทานที่สูง หรือที่เป็นตัววัดของ ATM Water Resistant ซึ่งก็คือความทนทานต่อแรงดันของน้ำนั่นเอง
โดยระดับความสามารถในการกันน้ำของ IPX7 จะเทียบเท่ากับ 1 ATM คือสามารถทนทานต่อละอองน้ำที่มาจากการอาบน้ำได้ ซึ่ง IPX7 จะทนทานต่อระดับน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ส่วน 1 ATM จะทนทานแรงดันที่เทียบเท่าความลึก 30 เมตรได้ ส่วนระดับความทนทานแรงดันจากน้ำใน 3 ATM (3 ATM Water Resistant) คือจะสามารถทนทานต่อละอองน้ำที่อาจมาจากการอาบน้ำ ฝน หิมะ หรือการกระโดดลงน้ำ เทียบเท่าได้กับการทนทานต่อแรงดันที่เทียบเท่าความลึก 30 เมตร
ในการอ่านค่า IPX และ ATM ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ในหัวข้อถัดไปเราจะมาเรียนรู้วิธีอ่านค่ามาตรฐานกันน้ำทั้งสองแบบกัน
ระดับการกันน้ำ IP จะมีความหมายที่แตกต่างกันทั้งสองตัว (I และ P) โดยตัว IP (IP Standard) คือ Ingress Protection จะหมายถึงมาตรฐานในการกันน้ำ แต่ถ้ามี IPX คือหมายถึงมาตรฐานในการกันทั้งน้ำและฝุ่น ซึ่งค่าตรงนี้จะมีบอกเป็นตัวเลข 2 หลัก ตั้งแต่ 0-8 ที่ใช้เป็นตัวบอกความสามารถในการทนทานระดับต่างๆ โดยได้มาจากการทดสอบมาตรฐาน ISO228 เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วจำเป็นจะต้องเช็ดอุปกรณ์นั้นให้แห้งและสะอาดโดยด่วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแผงวงจรนั่นเอง
สำหรับระดับการป้องกันฝุ่น หรือวัตถุภายนอก (ของแข็ง) จะแบ่งระดับความสามารถของ IP ได้ดังนี้
สำหรับระดับการกันน้ำ โดย IP จะมีค่าที่แปลความหมายได้ ดังนี้
การทดสอบการทนทานต่อแรงดันน้ำที่ได้มาตรฐานจะทำให้เห็นภาพการใช้งานอุปกรณ์ชนิดนั้นที่เข้ากับไลฟ์สไตล์หรือความต้องการของเราได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งหลังจากที่มีการทดสอบความทนทานดังกล่าว ก็ได้ผลการทดลองที่ทำให้ทราบถึงกิจกรรมและความเหมาะสมของการใช้งานอุปกรณ์นั้น ดังนี้
ในการเลือกนาฬิกาก็ควรเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเองหรือกิจกรรมที่ต้องการไปทำ เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้สวมใส่แล้ว นาฬิกาที่ถูกเลือกให้เข้ากับสถานการณ์ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้เช่นกัน และหนึ่งในนาฬิกาที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และมีอายุที่ยาวนานก็ได้แก่ NGG Timepieces ROLEX เพราะเป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมและเป็นที่กล่าวถึงในด้านของความหรูหรา เป็นศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความพิเศษได้อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะถูกพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ แต่ความคลาสสิกของนาฬิกาที่เรียบหรูและเป็นอมตะอย่าง ROLEX ก็ยังครองใจผู้คนเสมอมา
ไม่เพียงแต่ความหรูหราและสวยเท่านั้นที่ดึงดูดให้ถูกเลือกใช้งานจากคนมากมาย ความแข็งแรงปลอดภัยก็เป็นอีกสิ่งที่ ROLEX พัฒนาอยู่เสมอ จึงมีนาฬิกาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ในวันปกติทั่วไป หรือวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมใต้น้ำก็ได้เช่นกัน ซึ่งเราก็สามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการของเราได้ โดยอาจดูควบคู่ไปกับค่า IPX และ ATM
โดยทั่วไปของ NGG Timepiece ROLEX ก็จะมีรูปแบบนาฬิกาให้เลือกเข้ากับไลฟ์สไตล์ต่อไปนี้
หากใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป อาจไม่จำเป็นต้องเลือกนาฬิกาที่มีค่ามาตรฐานกันน้ำที่ IPX หรือ ATM สูง IP Standard ที่พอจะเหมาะสมกับการใช้งานประเภทนี้ คือ IPX4 ที่สามารถป้องกันการกระเซ็นของน้ำได้ทุกทิศทาง ทำให้น้ำไม่เข้าตัวเรือน และยังป้องกันจากความเสียหายจากน้ำฝนที่ตกกระทบลงมาได้ด้วย ซึ่ง IPX4 นี้จะเทียบเท่าได้กับ 3 ATM (3 ATM Water Resistance) คือสามารถทนทานแรงดันน้ำได้ลึกถึง 30 เมตร ทนต่อการโดนน้ำโดนฝน และยังใส่ล้างรถอย่างไม่ต้องกังวลว่าจะพังง่ายๆ ได้ด้วย
ด้วยอากาศบ้านเราที่ร้อนอบอ้าว การไปว่ายน้ำก็เป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ได้มาก และหากต้องการนาฬิกาที่สามารถใส่ว่ายน้ำได้ด้วยก็ควรเลือกที่สามารถทนต่อแรงดันน้ำได้ที่ 5ATM เทียบเท่าได้กับการทนทานระดับการกันน้ำ IPX7 คือสามารถป้องกันการแช่น้ำลึกได้นานถึง 30 นาที จะเหมาะกับการไปว่ายน้ำ และยังใส่อาบน้ำหรือล้างรถได้ และยังสามารถโดนฝนได้ด้วย
หากเป็นคนที่ชื่นชอบกิจกรรมที่ออกผจญภัยหรือรักในการดำน้ำดูปะการัง การเลือกนาฬิกาที่มีค่า IP Standard ที่ IPX8 จะเหมาะสมมากเพราะเป็นระดับการกันน้ำที่มี ip สูง สามารถป้องกันการแช่น้ำลึกได้ยาวนานต่อเนื่อง เทียบเท่าได้กับ 20 ATM คือสามารถใช้เพื่อการดำน้ำแบบใช้อุปกรณ์ หรือ Scuba ได้เลยทีเดียว
ดังนั้น การเลือกนาฬิกาที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองและเหมาะสมกับการใช้งาน ก็จะช่วยยืดอายุของนาฬิกาให้ทนทานกว่าเดิม และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาง่ายๆ ได้ด้วย หากยังสงสัยว่าควรเลือกนาฬิกากันน้ำว่าดูยังไงถึงจะเหมาะกับตนเอง ก็สามารถดูที่ค่า IPX หรือ ATM ได้เลยเพื่อจะได้ช่วยในการตัดสินใจ
แม้นาฬิกากันน้ำจะมีค่า IPX หรือ ATM ที่สูงแสดงถึงความปลอดภัยแล้ว แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อควรระวังการใช้งานอุปกรณ์ด้วยเช่นกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ดังนี้
IPX คือมาตรฐานที่ใช้บอกระดับการป้องกันของแข็งและการป้องกันน้ำ ส่วน ATM คือค่าความดันบรรยากาศหรือก็คือความทนทานต่อแรงดันน้ำ การที่เรารู้ค่า IPX และ ATM ก็จะช่วยให้เลือกอุปกรณ์ได้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากขึ้น เพราะการใช้นาฬิกาว่ายน้ำกับใช้ในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกัน หากเรารู้ว่าค่า IPX หรือ ATM ใดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่า ก็จะเป็นตัวช่วยสำหรับการเลือกซื้อนาฬิกาได้ และเหตุผลหลักๆ ที่ควรเลือกใช้นาฬิกากันน้ำคือสามารถใส่ลุยไปได้ทุกที่ โดยที่ไม่ต้องกลัวเปียกหรือกลัวพัง เพราะนาฬิกากันน้ำดีๆ จะมีระดับการกันน้ำที่ IPX ค่อนข้างสูง ทำให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาของเราจะปลอดภัยและใช้งานได้นานแน่นอน