11 ทริคแต่งตัวแนววินเทจให้ไม่เชย เปลี่ยนแฟชั่นเก่าให้ดูเท่ เก๋ มีสไตล์



11 ทริคแต่งตัวแนววินเทจให้ไม่เชย เปลี่ยนแฟชั่นเก่าให้ดูเท่ เก๋ มีสไตล์

ถึงแม้แฟชั่นจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ในยุคปัจจุบัน แฟชั่นนั้นไร้ขอบเขต บ่อยครั้งที่จะเห็นแฟชั่นในยุคก่อนๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง การแต่งตัวแนววินเทจเองก็เป็นอีกหนึ่งในการนำแฟชั่นยุคเก่าให้กลับมามีชีวิต ไม่ว่าจะด้วยการแต่งตัวตามแบบยุคก่อน หรือจะผสมผสานให้เข้ากับแฟชั่นยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาไปรู้จักแฟชั่นแนววินเทจว่าคืออะไร มีความโดดเด่นยังไง พร้อมกับเคล็ดลับการแต่งตัวแนววินเทจที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

 

ทำความรู้จักการแต่งตัวแนววินเทจ คืออะไร

 

ทำความรู้จักการแต่งตัวแนววินเทจ คืออะไร

การแต่งตัวแนววินเทจ คือ การแต่งตัวในสไตล์แฟชั่นที่มีความย้อนยุค ซึ่งแฟชั่นที่นำมาแต่งตัว ก็จะเป็นแฟชั่นจากยุค 50's - 80’s หรือยุคที่เก่ากว่านั้น ซึ่งในปัจจุบัน ถึงแม้แฟชั่นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่การแต่งตัวแนววินเทจก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ จึงทำให้มักจะเห็นเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ที่ถูกนำมา Mix & Match ให้เข้ากับเสื้อผ้าสมัยใหม่ ที่แต่งแล้วเข้ากันได้อย่างลงตัว 

โดยจุดเด่นของการแต่งตัวแนววินเทจ จะต่างจากการแต่งตัวสไตล์อื่น คือ จะมีกลิ่นอายของความเป็นเอกลักษณ์ที่มีในรูปแบบไม่ซ้ำใคร จุดเด่นเรื่องของความคลาสสิก ที่ว่าไม่จะผ่านไปนานเท่าไร สไตล์การแต่งตัวแนววินเทจ ทั้งการแต่งตัวของผู้ชาย และการแต่งตัวของผู้หญิง ก็ยังให้ลุคที่คลาสสิก และออกมาดูดีอยู่เสมอ

 

ไขข้อข้องใจ แบบไหนที่เรียกว่าวินเทจ

 

ไขข้อข้องใจ แบบไหนที่เรียกว่าวินเทจ

ความโดดเด่นของการแต่งตัวแนววินเทจ คือ รูปแบบของเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง หรือกระโปรง ที่ตัดเย็บอย่างเรียบง่าย ถึงแม้ใครหลายคนอาจคิดว่าเสื้อผ้าแนววินเทจ ต้องมีเฉพาะสีโทนคลาสสิกอย่างสีน้ำตาล สีขาว หรือสีครีม แต่ความจริงแล้ว ความโดดเด่นอีกอย่างของการแต่งตัวสไตล์วินเทจ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ของผู้ชายหรือผู้หญิง ก็คือ การเลือกใช้เสื้อผ้าที่มีสีสัน การจับคู่สีให้เข้ากับการแต่งตัว หรือการแต่งตัวแนววินเทจสำหรับผู้หญิง ก็มักจะเพิ่มลวดลายของเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายสก็อต ลายดอกไม้เล็กๆ รวมถึงลายจุด ที่ยังคงให้ความคลาสสิคได้เป็นอย่างดี 

และแบบไหนถึงจะเรียกการแต่งตัวสไตล์วินเทจ จริงๆ แล้ว การแต่งตัวแนววินเทจ ก็มีหลากหลายสไตล์ที่อิงมาจากยุคอื่น แต่สไตล์หลักๆ ในการแต่งตัววินเทจ คือ การเลือกเสื้อผ้าที่เน้นรูปแบบเรียบง่าย เลือกสีของเสื้อผ้าให้ไปในโทนเดียวกัน และอาจจะเพิ่มสไตล์ ด้วยการเล่นลวดลายที่ไม่เยอะจนเกินไป ที่สำคัญคือการเพิ่มเครื่องประดับต่างๆ เพื่อช่วยเสริมลุคให้ดูดีขึ้นไปอีก

 

11 ทริคแต่งตัวแนววินเทจ เปลี่ยนแฟชั่นเก่าให้ดูเท่ เก๋ มีสไตล์

หากใครที่อยากจะลองแต่งตัวแนววินเทจแต่ยังไม่มีไอเดียในหัวที่ชัดเจน จะลองแต่งเองเลยก็กลัวว่าจะออกมาดูเชย มาดู 11 ทริคแต่งตัวแนววินเทจที่จะช่วยให้คุณดูเท่ เก๋ ไม่ซ้ำใคร

 

1. เลือกชุดเก่า ที่ยังดูเข้ากับแฟชั่นปัจจุบัน

 

1. เลือกชุดเก่า ที่ยังดูเข้ากับแฟชั่นปัจจุบัน

ชุดจากแฟชั่นยุคเก่าที่ตกยุคแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำมาใส่อีกไม่ได้ ซึ่งในการเลือกเสื้อผ้า อาจจะเลือกเสื้อผ้าสไตล์วินเทจแบบทั้งตัว หรือการนำเสื้อผ้าจากยุคเก่ามา Mix & Match ให้เข้ากับลุคแฟชั่นปัจจุบัน เช่น เสื้อเชิ้ต และเสื้อสูท ที่เป็นแฟชั่นยอดฮิตของผู้ชาย สามารถนำมาแมทช์กับแฟชั่นปัจจุบันได้อย่างเข้ากัน อย่างกางเกงยีนส์ และกางเกงสแล็ค ทำให้ดูเป็นลุคทางการหรือเป็นลุคสบายๆ ก็ได้ แต่ก็ยังดูสุภาพ ดูดี และมีความคลาสสิค ทั้งนี้ รวมถึงการแต่งตัวแนววินเทจของผู้หญิง อย่างเดรสลายดอกไม้ เสื้อแขนพอง นำมาแมทช์กับกางเกงยีนส์ขายาวเอวสูง หรือกางเกงยีนส์ขาบาน ก็ยังให้ลุคที่เก๋ และมีสไตล์อีกด้วย

 

2. มองหาแรงบันดาลใจ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเสื้อผ้า

สไตล์การแต่งตัวแนววินเทจมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละยุค ตั้งแต่ยุค 50’s จนถึงยุค 80’s เพราะการแต่งตัวในแต่ละยุคได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจที่ต่างกัน ซึ่งหากใครที่สนใจ อยากจะเริ่มการแต่งตัวสไตล์วินเทจ ก็อาจจะลองศึกษาไอเดียแฟชั่นจากในแต่ละยุคว่ามีไอเดียแบบไหนที่น่าสนใจและเป็นจุดเด่นบ้าง เช่น การหาไอเดียจาก Pinterest เว็บไซต์ที่รวมไอเดียไว้มากมาย และเมื่อเจอไอเดียที่ถูกใจ ก็ยังสามารถสร้างคอลเลคชั่น เพื่อรวบรวมไอเดียได้อีกด้วย รวมถึง บทความที่รวบรวมไอเดียการแต่งตัวต่างๆ ทั้งไอเดียการแต่งตัวแนววินเทจผู้ชาย และไอเดียการแต่งตัวแนววินเทจผู้หญิง ซึ่งจะช่วยให้เลือกสไตล์การแต่งตัวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และข้อสำคัญในการมองหาไอเดียหรือแรงบันดาลใจ คือ ไม่ควรเลือกสไตล์ของแฟชั่นที่ต่างกันเกินไป เพราะอาจทำให้เป็นการแต่งตัวที่มากเกินความจำเป็น

 

3. รวมเอาชุดวินเทจเข้ากับอะไรใหม่ๆ

 

3. รวมเอาชุดวินเทจเข้ากับอะไรใหม่ๆ

หากต้องการเพิ่มความสนุกให้การแต่งตัวแนววินเทจให้ดูมีมิติมากขึ้น ก็สามารถนำชุดวินเทจที่มีอย่างเสื้อ กางเกง กระโปรง หรือรองเท้า นำมาแมทช์ให้เข้ากับชุดแฟชั่นสมัยใหม่ เช่น การแต่งตัวแนววินเทจของผู้ชาย ที่นิยมใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงชิโน่กับรองเท้าหนัง ก็สามารถเปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงยีนส์กับรองเท้าสนีกเกอร์แทน เพราะอาจเปลี่ยนลุคให้ดูสมาร์ทมากขึ้นได้ รวมถึงลุคที่เป็นทางการอย่างการใส่สูท ก็สามารถเปลี่ยนลุคได้ง่ายๆ ด้วยการใส่เสื้อเชิ้ตและสูทที่ปลดกระดุม เพียงเท่านี้ก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการแต่งตัวได้มากทีเดียว อีกทั้ง การแต่งตัวแนววินเทจของผู้หญิง ก็สามารถเลือกเสื้อสไตล์วินเทจ มาใส่กับกางเกงยีนส์หรือกระโปรงยีนส์ ก็ช่วยเสริมลุคให้ดูเท่มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

 

4. เล่นใหญ่ ให้ดูโดดเด่น

การแต่งตัวแนววินเทจ ถึงจะให้ลุคที่ดูเรียบง่ายและคลาสสิค แต่การแต่งตัวแนววินเทจ ก็สามารถแต่งออกมาให้เป็นสไตล์ที่ดูโดดเด่นได้ เนื่องจากเสื้อผ้าสไตล์วินเทจไม่จำเป็นต้องมีโทนสีน้ำตาลอย่างเดียว ซึ่งอาจจะมีสีสันอื่นๆ มิกซ์ลงไปในเสื้อผ้าได้ ฉะนั้น ถ้าอยากจะเล่นใหญ่และอยากให้การแต่งตัวให้ดูโดดเด่น การใส่เสื้อผ้าที่มีสีสัน จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นของสไตล์การแต่งตัวได้มากทีเดียว เช่น การจับคู่สีเสื้อผ้าอย่างสีน้ำตาลและสีแดงที่เปลี่ยนลุคให้ดูมีสง่ามากขึ้น นอกจากนี้ การเลือกคู่สีเสื้อผ้าที่มีสีตัดกันสามารถช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ดูสวยมากขึ้นขึ้นไปอีก รวมถึงการเพิ่มเครื่องประดับอย่าง หมวก ผ้าพันคอ หรือรองเท้า ก็ช่วยให้การแต่งตัวดูโดดเด่นไม่ซ้ำใครแล้ว

 

5. ใช้เครื่องประดับเพิ่มความวินเทจ

 

5. ใช้เครื่องประดับเพิ่มความวินเทจ

สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแต่งตัวสไตล์วินเทจไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง คือ เครื่องประดับ โดยจะช่วยเติมเต็มลุคให้สไตล์การแต่งตัวดูดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่นาฬิกาข้อมือสายหนัง สไตล์คลาสสิคที่เหมาะสมทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยจะช่วยเสริมลุคการแต่งตัวให้ดูดีมากขึ้น หรือการเพิ่มลูกเล่นโดยการใส่แว่นตาทรงวินเทจที่จะทำให้ดูมีสไตล์มากขึ้น และยังมีเข็มขัดสไตล์วินเทจที่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการแต่งตัว ทั้งนี้ การเพิ่มลูกเล่นการแต่งตัวให้ดูมีอะไรมากขึ้นด้วยการเพิ่มเครื่องประดับ เช่น ต่างหู หรือสร้อยคอ ยิ่งทำให้ลุคมีความโดดเด่น ดูเก๋ และดูมีสไตล์มากขึ้นไปอีก

 

6. ลองเพิ่มหมวก หรือผ้าพันคอแนววินเทจ

อีกหนึ่งวิธีแต่งตัวแนววินเทจ ที่สามารถนำไปใช้กับการแต่งตัวของผู้ชายและของผู้หญิง คือ การใช้หมวกหรือผ้าพันคอแนววินเทจมาเสริมให้สไตล์ดูไม่ซ้ำใคร โดยวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้การแต่งตัวสไตล์วินเทจดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งส่วนมากมักจะนำผ้าพันคอมาแมทช์ให้เข้ากับเสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ต ซึ่งหากใครที่ชอบความเรียบง่าย ก็อาจจะเลือกผ้าพันคอสีพื้นที่ไม่มีลวดลายนำมาแมทช์กับเสื้อที่มีอยู่ได้ หรือจะเลือกใช้เป็นผ้าพันคอลายวินเทจก็จะช่วยเพิ่มลูกเล่นการแต่งตัวได้มากทีเดียว รวมถึงการเพิ่มความเก๋ด้วยทริคการผูกผ้าพันคอหลากหลายแบบ หรือการนำผ้ามาโพกหัวก็ทำให้ได้สไตล์ที่ดูไม่ซ้ำใครอีกด้วย และหากใครที่ไม่ชอบผ้าพันคอก็อาจเปลี่ยนมาเป็นหมวกแนววินเทจมาแมทช์ให้เข้ากับลุค เช่น หมวกปีกกว้าง หมวกเบเร่ต์ หรือหมวกฟักทอง ที่นอกจากจะนำมาเสริมลุคการแต่งตัวแนววินเทจแล้ว ก็ยังนำไป Mix & Match กับเสื้อผ้าได้หลากหลายสไตล์อีกด้วย

 

7. รองเท้าวินเทจก็ขาดไม่ได้

 

7. รองเท้าวินเทจก็ขาดไม่ได้

เพื่อเสริมการแต่งตัวสไตล์วินเทจให้ดูดีมากยิ่งขึ้น อาจเพิ่มไอเท็มสำคัญอย่างรองเท้าวินเทจ ที่จะเปลี่ยนและเสริมลุคให้กับการแต่งตัวสไตล์วินเทจได้อย่างดี โดยรองเท้าที่นิยมใส่ส่วนมากจะเป็นรองเท้าหนังสีน้ำตาล เช่น รองเท้าหนัง Oxford และรองเท้าบู๊ต ซึ่งหากใครชอบความสะดวกสบายในการใส่ก็ขอแนะนำให้เลือกเป็นรองเท้า Loafer โดยเป็นรองเท้าที่สวมใส่ง่ายแบบไม่ต้องผูกเชือก อีกทั้งยังเป็นรองเท้าที่นำมาแมทช์กับการแต่งตัวสไตล์วินเทจได้อย่างเข้ากัน หรือถ้าหากใครคิดว่ารองเท้าหนังยังไม่ตอบโจทย์มากพอ รองเท้าลำลองสไตล์วินเทจก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีด้วยเช่นกัน

 

8. อย่าลืมนึกถึงสภาพอากาศ

การเลือกเสื้อผ้าให้เข้ากับสภาพอากาศก็สำคัญ โดยเนื้อผ้านั้นมีทั้งเสื้อหนัง เสื้อไหมพรม รวมถึงกางเกงผ้าหนาที่เมื่อใส่แล้วอาจจะไม่เหมาะกับอากาศร้อนเท่าไร เนื่องจากสภาพอากาศส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่เป็นอากาศร้อน สำหรับวิธีการแต่งตัวแนววินเทจสำหรับผู้ชาย ไอเท็มหลักที่ควรมี คือ เสื้อเชิ้ตทรงโอเวอร์ไซส์หรือเสื้อยืด กางเกงขายาวหรือขาสั้น และรองเท้า Loafer หรือรองเท้าลำลองสไตล์วินเทจ 

สำหรับวิธีการแต่งตัวแนววินเทจสำหรับผู้หญิง ไอเท็มหลักที่ควรมีก็จะคล้ายกับการแต่งตัวของผู้ชาย คือ เสื้อยืดทรงต่างๆ และกางเกงหรือกระโปรง นอกจากนี้ การแต่งตัวของผู้หญิงก็ยังมีชุดเดรสลายดอกไม้หรือเดรสสีพื้น ที่สามารถเลือกหยิบมาใส่ในวันอากาศร้อนๆ ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นการแต่งตัวแนววินเทจ ที่แต่งตามได้ง่ายๆ แถมยังเหมาะกับสภาพอากาศอีกด้วย

 

9. อย่าลืมนึกถึงการใช้ชีวิตประจำวัน

 

9. อย่าลืมนึกถึงการใช้ชีวิตประจำวัน

แม้จะชอบกับการแต่งตัวแนววินเทจแค่ไหน ก็อย่าลืมนึกถึงการใช้ชีวิตในประจำวันด้วยเช่นกัน ไม่ว่าการทำงาน ไปเที่ยว หรือการแต่งตัวเพื่องานสังสรรค์ อย่าลืมที่จะเลือกการแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ รวมถึงการเลือกใส่ชุดให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัวอีกด้วย

 

10. อย่าลืมใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป

การหาแรงบันดาลใจและสไตล์การแต่งตัวสามารถนำมาเป็นไอเดียในการแต่งตัวได้ แต่ถ้าหากแต่งตามคนอื่นบ่อยๆ อาจทำให้การแต่งตัวแนววินเทจไม่เกิดไอเดียใหม่ๆ เลย เพราะฉะนั้น หลักสำคัญในการแต่งตัวก็คือการใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป โดยอาจจะเลือกเสื้อผ้าในสไตล์ที่ชอบ และใส่สไตล์ที่นำเสนอถึงความเป็นตัวเองเข้าไปมิกซ์ให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สนุกกับการแต่งตัวมากขึ้นไปอีก

 

11. มั่นใจเข้าไว้

 

11. มั่นใจเข้าไว้

ไม่ว่าจะแต่งตัวแนววินเทจ แนวโมเดิร์น หรือการแต่งตัวแนวใดก็ตาม ความมั่นใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นสไตล์การแต่งตัวที่แปลก ไม่เหมือนใคร แต่ก็อย่าลืมว่าสไตล์การแต่งตัวนั้นไม่มีผูกไม่มีผิด ตราบใดที่เรามั่นใจกับสไตล์ที่เราเลือก

 

สรุป

การแต่งตัวสไตล์วินเทจคือ การแต่งตัวจากสไตล์แฟชั่นที่มีความย้อนยุค ที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ในเรื่องของสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร และมีความคลาสสิคอยู่ในตัวเอง มีการจับคู่สีเสื้อผ้าให้มีความเข้ากัน และนำแฟชั่นยุคเก่ามาผสมกับยุคใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการใส่ลูกเล่นอย่างเครื่องประดับ เช่น ต่างหู สร้อยคอ และนาฬิกา จะช่วยเสริมให้การแต่งตัวแนววินเทจของคุณดูมีเสน่ห์มากขึ้น ช่วยดึงเอาแฟชั่นยุคก่อนให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และอย่าลืมที่จะมั่นใจเข้าไว้ล่ะ 

หากคุณอยากแต่งตัวสไตล์วินเทจ และต้องการหาเครื่องประดับอย่างนาฬิกา  NGG Timepieces ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เป็นผู้นำด้านนาฬิกา และนำเข้านาฬิกาแบรนด์เนม นาฬิกาแบรนด์ดังระดับโลก ที่มาพร้อมดีไซน์ที่หลากหลายและฟังก์ชั่นครบ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดด้วยคอลเลกชันนาฬิกาที่หลากหลาย พร้อมมีผู้ชำนาญด้านนาฬิกาที่คอยให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณได้รับการบริการและเลือกซื้อสินค้าได้อย่างประทับใจได้ทุกเมื่อ

Back