12 ตารางจับคู่สีเสื้อผ้า เลือกสีชุดยังไงให้ปัง ด้วยเทคนิค Stylish ทั่วโลก
การแต่งตัวจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป หากเรารู้จักแมตช์เสื้อผ้าที่มีอยู่ด้วยตารางจับคู่สีเสื้อผ้า เพื่อให้ได้ลุคใหม่ๆ แบบที่ไม่ต้องมีเสื้อผ้าเยอะ รวมถึงเทคนิคการแต่งตัวด้วยคู่สีที่ทำตามได้ไม่ยาก มาเพิ่มสีสันให้การแต่งตัวสนุกมากขึ้นด้วยเทคนิคจับคู่สีเสื้อผ้าจาก Stylish ชั้นนำทั่วโลก ทำได้อย่างไร ไปดูกันเลย
การแบ่งโทนสีเสื้อผ้าที่ดีไม่ใช่แค่การแบ่งว่าควรใส่สีอะไรคู่กับอะไรเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงสัดส่วนของสีเหล่านั้นด้วย ว่าควรมีสีอะไร มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้สีที่เราเอามาแมตช์กัน ช่วยส่งเสริมกันให้ออกมาดูดี ไม่แย่งซีนกันจนการแต่งตัวของเราไปคนละทิศคนละทาง โดยสัดส่วนที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้
มาดูตารางจับคู่สีเสื้อผ้าที่รวบรวมมาจาก Stylish ทั้งในไทย และต่างประเทศ รวมทุกลุคมาให้คุณเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองและวาระโอกาส จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
เสื้อผ้าโทนกลาง ไม่ได้มีเพียงแค่ สีขาว สีดำ สีเทา หรือสีน้ำตาล แต่สีเสื้อผ้าโทนกลางยังมี สีครีม สีเบจ สีโอลีฟ หรือสีงาช้าง เมื่อนำมาจับคู่สีของเสื้อผ้า ก็จะได้ทั้งลุคเท่ มีความวินเทจ หรือลุคเรียบง่าย แบบมีสไตล์ก็ทำได้เช่นกัน ถึงแม้จะโทนสีกลาง แต่การจับคู่สีเสื้อผ้า ก็ไม่ได้ทำให้น่าสไตล์ดูน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย เช่น แมตช์เสื้อสีขาวกับกางเกงหรือกระโปรงสี เช่น สีครีม สีน้ำตาล หรือสีโอลีฟ และรองเท้าสีขาวหรือสีน้ำตาล จะช่วยให้ลุคไม่กลืนจนเกินไป และไอเทมเสริม กระเป๋าหรือผ้าพันคอ ใช้คู่สีที่ตัดกันอย่างสีแดง ก็จะช่วยเสริมให้ดูโดดเด่นมากขึ้น
การแต่งตัวที่สนุกและมีสีสันอย่าง การจับคู่สีของเสื้อผ้าในโทนสดใส ทำให้ชุดที่ได้นั้นให้ความรู้สึกสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อจนเกินไป การเลือกสีมาแมตช์กันก็ไม่มีอะไรตายตัวมากนัก แต่มีเทคนิคการเลือก คือ ควรเลือกสีโทนเดียวกัน หรือสีตัดกัน และไม่ควรเลือกมากกว่า 3 สี เพราะจะทำให้ลุคของเราดูเยอะเกินไปได้ เช่น แมตช์เสื้อสีเขียวกับกางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบสีเหลือง เพิ่มความสมดุลให้กับลุค ด้วยเสื้อคลุมสีเหลือง ที่เข้ากับกับรองเท้า หรือแต่งตัวให้สนุกมากขึ้นด้วยการเพิ่มหมวกสีเขียว ก็จะได้สไตล์การแต่งตัวที่ดูคุมโทนด้วย
การจับคู่สีเสื้อผ้าด้วยการใช้โทนสีเดียว เช่น สีฟ้า สีชมพู สีครีม แม้จะเป็นการจับคู่สีเสื้อผ้าโทนเดียว แต่ก็เพิ่มความสนุกให้กับการแต่งตัวได้ อย่างการใช้สีโทนร้อน หรือสีโทนเย็น เป็นสีหลักในการแต่งตัว และเพิ่มมิติด้วยการใช้ความเข้ม-อ่อนของสี เพื่อให้การแต่งตัวดูไม่น่าเบื่อจนเกินไป อีกทั้งการแต่งตัวด้วยสีโทนเดียว ก็ยังแต่งง่ายๆ และแต่งได้ทุกวัน เช่น จับคู่เสื้อผ้าสีโทนเย็น เสื้อสีเขียวอ่อน กางเกงสีฟ้าเข้ม เสริมด้วยกระเป๋าสีน้ำเงิน และรองเท้าสีขาว หรือสีโทนร้อน เสื้อสีส้ม กางเกงสีพีช เสริมด้วยกระเป๋าสีเหลือง และรองเท้าสีเหลือง
การเลือกใช้สีโทนใกล้เคียงมาจับคู่กับเสื้อผ้าที่มีอยู่ช่วยเพิ่มมิติของการแต่งตัว ให้ดูมีสไตล์มากขึ้น โดยการเลือกสีจะคล้ายกับการแต่งตัวสีโทนเดียว คือ การใช้สีโทนเข้ม-อ่อน หรือการใช้สีโทนเย็น โทนร้อน มาจับคู่กับสีเสื้อผ้า เช่น สีส้มกับสีน้ำตาล สีแดงกับสีชมพู หรือสีครีมกับสีเบจ เป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้การแต่งตัว มีความแฟชั่นนิดๆ หรือจะลุคสุภาพ ทางการ ดูเป็นสไตล์ที่แต่งได้ทุกโอกาส เช่น เสื้อสีส้ม กางเกงสีน้ำตาลเข้ม แมตช์กับแจ็กเกตสีน้ำตาลอ่อน และรองเท้าสีน้ำตาล หรือเสื้อสีขาว กางเกงสีน้ำตาลแมตช์กับเสื้อคลุมสีเบจ และรองเท้าสีขาวที่มาช่วยเสริมท่อนบน ให้ลุคอบอุ่น
การจับคู่สีของเสื้อผ้าตรงข้าม เป็นการแมตช์สีที่แตกต่างให้ออกมาลงตัว ถึงสีจะตรงข้ามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ากันไม่ได้เสมอไป ในทางกลับกันการใช้คู่สีตรงข้าม จะทำให้ลุคธรรมดาๆ ดูเด่น และมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย ตัวอย่างการจับคู่สีตรงข้าม มีดังนี้
จับคู่สีเสื้อผ้าแบบสีเยื้องกัน คือ เลือกใช้สีที่อยู่ข้างๆ ของคู่สีตรงข้าม จะทำให้การแต่งตัวดูมีสีสันมากขึ้นแบบไม่หลุดโทน เช่น สีส้มตรงข้ามกับสีฟ้า แต่จับคู่กับสีน้ำเงินและสีเขียวเข้มที่อยู่ข้างๆ แทน ซึ่งสามารถจับคู่สีเสื้อผ้ามาแมตช์กันได้ง่ายๆ เช่น เสื้อเขียวแมตช์กับกระโปรงสีส้ม พร้อมเบลเซอร์สีน้ำเงินเข้ม และรองเท้าสีขาว ช่วยเสริมท่อนบนให้ดูเด่น ซึ่งจะให้ลุคสมาร์ตและแฟชั่น
Monochrome หรือการแต่งชุดแบบคุมโทน คือ การจับคู่สีเสื้อผ้าสีเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะ สีดำ สีครีม สีชมพู หรือสีเหลือง แต่มีเทคนิค คือ การเลือกใช้สีอ่อน สีเข้ม เพื่อเสริมลุคให้ไม่น่าเบื่อ และการจับคู่เสื้อผ้าสีเดียวกัน ก็ยังใช้เป็นธีมการแต่งตัวสนุกๆ ในกลุ่มเพื่อนได้อีกด้วย เช่น เสื้อสีน้ำตาลเข้มกับกระโปรงสีน้ำตาลอ่อน และถุงเท้าสีน้ำตาลเข้มกับรองเท้าสีขาว หรือแมตช์เสื้อสีชมพูเข้มกับกางเกงสีชมพูอ่อน เข้ากับเสื้อเบลเซอร์สีชมพูเข้ม และรองเท้าสีขาว
สีเอิร์ธโทน หรือสีของธรรมชาติ ไม่ได้มีแค่เฉดสีน้ำตาล แต่ยังมีทั้งโทนร้อน และโทนเย็น เช่น สีน้ำตาล สีเขียวใบไม้ สีอิฐ หรือสีกรมท่า การจับคู่สีเสื้อผ้าเอิร์ธโทน จะทำให้แมตช์เสื้อผ้าได้ง่าย ให้ลุคที่สบายตา เข้ากับทุกวาระโอกาส และเป็นอีกลุคที่ได้รับความนิยมมากในเกาหลี แนะนำให้จับคู่สีเข้มกับสีอ่อน เช่น สีเขียวกับสีครีม แมตช์เสื้อยืดกับกางเกงสีครีม เสริมลุคด้วยเสื้อกั๊กไหมพรมสีเขียว และรองเท้าสีดำ ที่มาตัดทำให้ลุคไม่ดูกลืนจนเกินไป
อีกสไตล์ที่คนนิยมอย่างการแต่งตัวสไตล์มินิมอล เป็นลุคที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีดีเทลหรือลวดลายเยอะ แต่แต่งออกมาแล้วดูดี ได้ทั้งลุคที่สุภาพ ทางการ หรือแฟชั่นก็ได้ ใช้โทนสีพื้นเป็นหลัก เช่น สีขาว ดำ หรือสีเอิร์ธโทน และส่วนมากจะจับคู่สีของเสื้อผ้าสีเข้มกับสีอ่อน เช่น แมตช์เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีเทาอ่อน หรือครีม เสริมลุคด้วยเสื้อกั๊กไหมพรมสีเอิร์ธโทน และรองเท้าสีดำหรือสีขาว ดูเป็นลุคง่ายๆ แต่งตามได้ทุกวัน
Valentine Tone จะเป็นการแต่งตัวที่เน้นโทนสีชมพูและสีแดงเป็นหลัก มักจะใส่ช่วงวันวาเลนไทน์ แต่จริงๆ เป็นสไตล์ที่ใส่ได้ทุกวัน มีทั้งโทนชมพูหวานละมุนสไตล์พาสเทล หรือจัดจ้านด้วยชมพูสีสด หรือสีชมพูบานเย็น ให้ความแฟชั่น พร้อมทั้งให้ลุคไม่จำเจ เช่น จับคู่สีเสื้อชมพูอ่อนกับกระโปรงสีชมพู เสริมสีสันให้กับลุคด้วยเสื้อคลุมสีแดง และเติมเครื่องประดับอย่าง สร้อยลูกปัดสีชมพู และหมวกที่เข้ากับกับสีของเสื้อคลุม ทำให้ภาพรวมของลุคดูสดใส
การจับคู่สีของเสื้อผ้า ควรเลือกจับคู่สีเสื้อผ้าเพียงแค่ 3 สี เพื่อให้ลุคไม่ดูมากหรือน้อยจนเกินไป และง่ายต่อการคุมโทน โดยอาจจะมีสีขาว สีดำ หรือสีครีม เพื่อช่วยเบรกให้ลุคไม่ดูต่างจนเกินไป เช่น เสื้อสีขาวกับกางเกงสีชมพู และเสื้อคลุมสีดำ ปิดท้ายด้วยรองเท้าสีขาว ช่วยเสริมให้ชุดท่อนบนดูเด่น หรืออาจจะเพิ่มไอเทมกระเป๋า เลือกให้แมตช์กับกางเกง ก็จะเพิ่มความบาลานซ์ได้อย่างดี
สีเสื้อผ้าพาสเทล คือ โทนสีอ่อนสบายตา เป็นได้ทั้ง สีชมพู สีเหลือง สีม่วง สีเขียว เกือบทุกสีสามารถเป็นสีพาสเทลได้หมด เป็นสีที่ใส่ได้เรื่อยๆ และใส่ได้ทุกโอกาส และสามารถเลือกตัวอย่าง จากตารางจับคู่สีเสื้อผ้า มาใช้ในการแต่งตัว เช่น แมตช์เสื้อสีฟ้าเข้ากับสีเหลือง และเพิ่มกระเป๋าสีม่วงพาสเทล ทำให้เป็นคู่สีที่ตัดกัน แต่ก็ลงตัว ทำให้ลุคมีมิติมากขึ้น
การแมตช์เสื้อผ้าโดยจับคู่สี ทำให้เราได้ลุคใหม่ๆ เพิ่มสไตล์ให้การแต่งตัวสนุกขึ้นมากขึ้น ได้นำเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใส่มาใส่ นอกจากเราจับคู่สีเสื้อผ้ากับเสื้อผ้าด้วยกันแล้ว ยังสามารถเลือกสีที่ใช้แต่งตัวตาม Personal color ของตัวเองเพื่อให้สีของเสื้อผ้าเข้ากับตัวเรามากขึ้น หรืออาจจะลองจับคู่สีเครื่องประดับให้เข้ากับเสื้อผ้าได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ นาฬิกา ก็ได้ทั้งหมด เพื่อให้ลุคโดยรวมออกมาสมบูรณ์ขึ้น เปลี่ยนวันธรรมดาๆ ให้กลายเป็นวันที่สุดแสนจะพิเศษด้วยการแต่งตัวที่ไม่ธรรมดา