เสริมลุคปลุกสไตล์ด้วย 7 เทคนิคการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง
นาฬิกาข้อมือ เป็นเครื่องประดับที่ใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยรูปแบบของนาฬิกานั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการใช้งาน สี ขนาด หรือกระทั่งวัสดุ ด้วยรูปแบบที่หลากหลายนี้ จึงไม่แปลกที่ใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง เกิดความสงสัยว่าควรจะใส่นาฬิกาแบบไหนดีถึงจะถูกใจตัวเองมากที่สุด
บทความนี้จึงได้รวบรวม 7 เทคนิคการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง เพื่อช่วยให้คำตอบทุกคน และได้ตามหานาฬิกาข้อมือที่จะมาเสริมให้การแต่งตัวของทุกคนให้ดูดี และมีสไตล์มากยิ่งขึ้น
แม้เหตุผลหลักๆ ในการเลือกซื้อนาฬิกาจะเป็นเพื่อบอกเวลา แต่รู้หรือไม่ หากเลือกซื้อนาฬิกาที่มีรูปทรงและสไตล์ที่เข้ากับตัวเองแล้วนั้น จะเป็นการเติมแต่งเล็กๆ ที่ช่วยเสริมบุคลิกให้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ การเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการบอกไลฟ์สไตล์หรือรสนิยมที่เราชอบได้โดยไม่ต้องอาศัยความพยายามมากมายได้เช่นกัน
เมื่อรู้แล้วว่านาฬิกาช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีได้ ก็มาถึงเทคนิคการเลือกนาฬิกา แต่การจะเลือกซื้อนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุดนั้น ก็มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นระบบของนาฬิกา ดีไซน์ สี หรือ ขนาด
บทความนี้จะมาพูดถึงเทคนิคการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเองโดยเทคนิคที่จะช่วยเสริมบุคลิกของทุกคนให้ดีขึ้นนั้น มีทั้งหมด 7 เทคนิคด้วยกัน
เทคนิคแรกในการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง คือ การเลือกรูปแบบการใช้งานของนาฬิกา โดยเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะว่ารูปแบบการใช้งานแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกัน และความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบแบบเข็ม หรือบางคนอาจจะชอบแบบตัวเลข ดังนั้น จึงควรเลือกรูปแบบการใช้งานที่ตัวเองชอบมากที่สุด ซึ่งรูปแบบที่ว่านั้นก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบด้วยกัน
แบบ Analog
นาฬิกาแบบ Analog หรือนาฬิกาแบบเข็ม เป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์หน้าปัดเป็นแบบเข็ม มาพร้อมกับสัญลักษณ์ที่เป็นตัวบอกเวลา โดยสัญลักษณ์ที่ว่านั้น บ้างก็เป็นตัวเลข บ้างก็ใช้สัญลักษณ์ขีดหรือจุด มีการทำให้ขนาดแตกต่างกันไปเพื่อให้สามารถอ่านเวลาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ การที่นาฬิกาข้อมือแต่ละเรือนจะใช้สัญลักษณ์แบบไหนในการบอกเวลานั้น ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อ
แบบ LCD
นาฬิกาแบบ LCD หรือนาฬิกาแบบเลขดิจิทัล เป็นนาฬิกาที่จะโชว์เวลาเป็นตัวเลขดิจิทัลบนหน้าปัด โดยนาฬิกาแบบนี้อาจจะมีฟังก์ชันอื่นๆ แทรกเข้ามาบ้างเล็กน้อย เช่น นาฬิกาจับเวลา นาฬิกาปลุก หรือปุ่มกดเพื่อแสดงไฟหน้าจอ เป็นต้น
แบบ Digital
นาฬิกาแบบ Digital หรือที่ในปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อของ Smart Watch เป็นนาฬิกาที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ อย่างมากมาย เช่น การนับจำนวนก้าว การนับอัตราการเต้นของหัวใจ หรือการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่ เป็นต้น และในนาฬิกา Digital หรือ Smart Watch บางยี่ห้อยังสามารถใช้คู่กับสมาร์ตโฟน ทำให้ตัวนาฬิกาสามารถอ่านข้อความหรือรับโทรศัพท์ได้ ยิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
การเลือกสายนาฬิกาเป็นอีกเทคนิคการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเองที่สำคัญไม่แพ้กับการเลือกจากรูปแบบการใช้งาน โดยสายนาฬิกาแต่ละชนิดจะทำมาจากวัสดุที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีคุณสมบัติ และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน อย่างบางคนที่อาจจะเหงื่อออกง่าย หรือแพ้วัสดุบางชนิด สายนาฬิกาบางแบบก็อาจไม่เหมาะกับคนกลุ่มนี้ เพราะฉะนั้น ก่อนจะเลือกนาฬิกาที่เข้ากับตัวเองได้ ก็ควรมาทำความรู้จักกับสายนาฬิกากันก่อน โดยสายนาฬิกาที่ว่านั้น แบ่งออกเป็น 4 แบบใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้
สายหนัง
สายนาฬิกาแบบหนังนั้นมีทั้งที่ทำมาจากหนังแท้ เช่น หนังวัว หนังจระเข้ หรือหนังสัตว์อื่นๆ และทำมาจากหนังสังเคราะห์ โดยสายหนังนั้นจะให้สัมผัสนุ่ม สบาย และไม่บาดผิวผู้สวมใส่ แต่จะไม่เหมาะกับผู้ที่เหงื่อออกง่าย หรือต้องใส่ทำกิจกรรมที่โดนน้ำบ่อยๆ เพราะว่าจะทำให้เกิดความอับชื้น และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
สายสเตนเลส
สายนาฬิกาแบบสเตนเลส เป็นสายนาฬิกาทำจากโลหะที่ผสมระหว่างเหล็กกล้า และคาร์บอน โดยสายนาฬิกาแบบสเตนเลสนั้นจะมีความแข็งแรง ทนทาน สามารถกันน้ำได้ และยังเกิดสนิมได้ยาก อย่างไรก็ดี สายนาฬิกาแบบนี้ก็จะมีราคาสูง และมีน้ำหนักมากกว่าสายแบบอื่นๆ เล็กน้อย
สายเรซิน
สายนาฬิกาแบบเรซิน เป็นสายนาฬิกาที่ทำมาจากยาง หรือซิลิโคน โดยสายเรซินนั้นจะมีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน กันน้ำได้ดี ทำความสะอาดง่าย และมีน้ำหนักเบา แต่จะไม่เป็นสายที่ไม่เหมาะกับความร้อนได้ดีมากนัก ส่งผลให้เมื่อใช้งานผ่านความร้อนไปในระยะยาว อาจจะทำให้สายมีความกรอบและแตกหักได้ง่าย
สายผ้าไนลอน
สายผ้าไนลอน เป็นสายนาฬิกาที่ทำมาจากเส้นใยไนลอน หรือวัสดุเส้นใยสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับถักเป็นเชือก โดยสายไนลอนนั้นสามารถระบายอากาศได้ดี กันน้ำ และสามารถซักทำความสะอาดได้ แต่ควรตากสายให้แห้งเสมอ และไม่ควรปล่อยให้สายเปียกทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดความอับชื้น และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
การเลือกนาฬิกาจากหน้าปัดของนาฬิกา เป็นสิ่งที่อาจทำให้หลายๆ คนพลาดเลือกนาฬิกาที่ไม่เหมาะกับตัวเองได้ เพราะหน้าปัดนาฬิกามีขนาด และมีรูปทรงให้เลือกอย่างมากมาย โดยวิธีการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเองจากขนาด และรูปทรงของหน้าปัดนาฬิกา มีดังนี้
ขนาดของหน้าปัดนาฬิกา
ขนาดของหน้าปัดนาฬิกานั้นมีให้เลือกหลากหลายขนาด โดยมีตั้งแต่ 30 มิลลิเมตร ไปจนถึง 42 มิลลิเมตร อย่างเช่น หากผู้สวมใส่นาฬิกาเป็นผู้หญิง ก็มีวิธีการเลือกนาฬิกาผู้หญิงที่ขนาดที่เหมาะสมมักจะอยู่ในช่วง 30-38 มิลลิเมตร โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีข้อมือเล็กก็ควรเลือกใส่ฃนาดนาฬิกาที่มีหน้าปัดขนาดใหญ่เล็กน้อย เพื่อไม่ให้ข้อมือดูเล็กเกินไป และผู้ชายส่วนใหญ่มักจะใส่นาฬิกาตั้งแต่ขนาด 36 ขึ้นไป ด้วยข้อมือที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การเลือกขนาดหน้าปัดของนาฬิกาก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของตัวเอง เพื่อให้ดูสมดุลมากที่สุด
รูปทรงของหน้าปัดนาฬิกา
การจะเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเองได้ด้วยรูปทรงของนาฬิกานั้น ก็มีรูปทรงของหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น แบบวงกลม วงรี สี่เหลี่ยมจัตุรัส และแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นต้น โดยมีวิธีการเลือกรูปทรงให้เข้ากับตัวเอง เช่น ผู้ที่มีข้อมือเล็ก ควรใส่หน้าปัดแบบวงกลม และหลีกเลี่ยงแบบสี่เหลี่ยม เพราะจะทำให้ข้อมือดูเล็กลงกว่าเดิม ดังนั้น เพื่อให้ได้นาฬิกาที่เข้ากับตัวเราที่สุด จึงควรเลือกซื้อนาฬิกาที่มีรูปทรงของหน้าปัดนาฬิกาไม่เล็ก หรือไม่ใหญ่เกินไป เพราะอาจทำให้ดูไม่สมดุล และไม่เหมาะกับผู้สวมใส่ได้
การเลือกนาฬิกาจากสีผิวของผู้สวมใส่ เป็นอีกเทคนิคการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง เพราะว่าแต่ละคนนั้นมีสีผิวที่หลากหลาย ไม่เหมือนกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับสีผิวที่สุด เพื่อช่วยขับผิวของผู้สวมใส่ให้ดูดีขึ้น และช่วยให้นาฬิกาที่สวมใส่นั้นดูโดดเด่นมากขึ้น โดยวิธีเลือกซื้อนาฬิกาจากสีผิวของผู้สวมใส่ มีดังนี้
ผิวขาวจัด
ผู้สวมใส่ที่มีผิวขาวจัด ควรเลือกใส่นาฬิกาที่มีโทนสีเข้ม เช่น สีดำ สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาล สีกรมท่า หรือสีเทาเข้ม เป็นต้น เพราะจะตัดกับสีผิว และช่วยขับผิวให้ดูสว่างมากยิ่งขึ้น
ผิวขาวอมชมพู
ผู้สวมใส่ที่มีผิวขาวอมชมพู ควรเลือกใส่นาฬิกาที่มีโทนสีอ่อน หรือสีสันสดใส เช่น สีฟ้า สีฟ้าอ่อน สีชมพู สีชมพูอ่อน สีเขียว สีส้ม หรือสีอื่นๆ เพราะจะช่วยขับสีผิวให้ดูสว่าง และกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
ผิวขาวเหลือง
ผู้สวมใส่ที่มีผิวขาวเหลือง สามารถใส่นาฬิกาได้ทั้งโทนสีอ่อน และสีเข้ม ได้ตั้งแต่สีดำ สีขาว สีน้ำตาล ไปจนถึงเฉดสีอย่าง สีเงิน สีทอง หรือสีโรสโกลด์ เป็นต้น แต่ไม่ควรเลือกสีสดใส เพราะอาจทำให้สีผิวดูเหลืองมากกว่าเดิมได้
ผิวสีน้ำตาลอมเหลือง
ผู้สวมใส่ที่มีผิวสีน้ำตาลอมเหลือง หรือผิวสีน้ำตาลอ่อน ควรเลือกใส่นาฬิกาที่มีโทนสีอ่อน เช่น สีครีม สีเบจ หรือสีน้ำตาลอ่อน เพราะจะช่วยขับผิวให้ดูเรียบเนียน และสดใสมากขึ้น
ผิวสีน้ำตาลเข้ม
ผู้สวมใส่ที่มีผิวสีน้ำตาลเข้ม ควรเลือกใส่นาฬิกาที่มีโทนสีกลาง หรือสีที่ไม่เข้ม และไม่อ่อนจนเกินไป เช่น สีเงิน สีเทา สีโรสโกลด์ หรือสีเบจ เป็นต้น และไม่ควรเลือกสีฉูดฉาด เพราะอาจทำให้ผิวดูหมอง ไม่สดใสได้
การเลือกซื้อนาฬิกาให้เหมาะสมกับวัย เป็นเทคนิคการเลือกนาฬิกาที่เหมาะกับตัวเองไม่ควรมองข้าม เพราะว่านาฬิกานั้นสามารถปรับลุค หรือเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของทุกคนได้ ถ้าหากเลือกใส่นาฬิกาที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ภาพรวมของการแต่งตัวนั้นดูแปลกตา หรือว่าไม่ไปด้วยกันกับบุคลิกของเราก็เป็นได้ โดยวิธีการเลือกนาฬิกาให้เหมาะสมกับวัย มีดังนี้
วัยเรียน
สำหรับวัยเรียนนั้นอาจเป็นวัยที่สามารถเลือกใช้นาฬิกาที่มีสีสันสดใส ดีไซน์ทันสมัย และมีฟังก์ชันให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เช่น นาฬิกาแบบ LCD หรือแบบ Digital เพราะเป็นนาฬิกาที่สามารถใช้งานได้นาน มีรูปแบบการบอกเวลาเป็นตัวเลขที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ดูเหมาะสมกับผู้สวมใส่อายุน้อยที่อยู่ในวัยเรียนเป็นอย่างดี
วัยทำงาน
สำหรับวัยทำงานนั้นอาจเหมาะกับนาฬิกาที่มีดีไซน์เรียบหรู เช่น นาฬิกาแบบ Analog และมีสีสันไม่สดใสฉูดฉาดนัก เช่น สีเงิน สีทอง สีโรสโกลด์ สีน้ำตาลอ่อน หรือสีดำ เป็นต้น ซึ่งอาจเลือกใช้สายนาฬิกาแบบสเตนเลสที่ช่วยเสริมภูมิฐาน สมกับฐานะตำแหน่ง เหมาะกับวัยทำงานที่ต้องการการเสริมบุคลิกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
การเลือกซื้อนาฬิกาให้เหมาะกับกิจวัตรประจำวัน เป็นอีกเทคนิคในการเลือกนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเองสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของนาฬิกาได้ เช่น ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง หรือเป็นสายกิจกรรม ควรเลือกนาฬิกาที่มีสายแบบเรซิน หรือไนลอน สามารถกันน้ำได้ และมีความทนทานต่อแรงกระแทก เป็นต้น เพราะถ้าหากเลือกนาฬิกาที่ไม่เหมาะกับกิจวัตรประจำวัน เช่น แบบสายหนัง หรือสายสเตนเลส และไม่กันน้ำ อาจทำให้นาฬิกาเสียหาย หรือชำรุดได้ง่ายกว่า
การเลือกยี่ห้อนาฬิกาที่เหมาะกับตัวเอง เป็นเทคนิคการเลือกซื้อนาฬิกาทุกคนควรให้ความสำคัญมากที่สุดเพราะว่าในปัจจุบันนั้นมียี่ห้อนาฬิกาให้ทุกคนเลือกซื้อหลากหลายเป็นอย่างมาก โดยนาฬิกาแต่ละยี่ห้อก็จะมีดีไซน์ ฟังก์ชัน และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในการพิจารณาเลือกซื้อนาฬิกานั้น อาจจะเลือกเทคนิคอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 6 เทคนิคที่บอกไปเบื้องต้น หรือผสมผสานกันระหว่างเทคนิคก็ได้ เพื่อให้ได้นาฬิกาที่ถูกใจ และบ่งบอกตัวตนของตัวเองได้ดีที่สุดนั่นเอง
นาฬิกา เป็นเครื่องประดับที่สามารถช่วยเสริมการแต่งตัวของทุกคนให้ดูดี และมีสไตล์มากขึ้นได้ ดังนั้น การเลือกซื้อนาฬิกาให้เหมาะกับตัวเอง จึงเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อนาฬิกา เพราะแม้ว่าจะซื้อนาฬิกาที่มีราคาสูงสุด หรือมีฟังก์ชันที่หลากหลายที่สุด แต่ถ้าหากมีรูปทรงและฟังก์ชันที่ไม่ตอบโจทย์กิจวัตรประจำวัน หรือตัวตนของเรา ก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่นาฬิกาเรือนนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน นาฬิกาที่เข้ากับเรา รองรับกิจวัตรประจำวันของเราได้ ก็จะยิ่งช่วยอำนวยความสะดวก ช่วยเสริมบุคลิกให้ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือเหมาะสมกับตัวผู้สวมใส่ เป็นได้ทั้งสิ่งที่อำนวยความสะดวกและเครื่องประดับที่ตอบโจทย์เราได้เป็นอย่างดี